19 ตุลาคม 2552
Just Show!
งานแสดงตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ล่วงเลยมานานปีดีดัก
แต่อยากเอามาจั๊ส-โชว์! อีกที ตัวนี้เป็น poster ที่ไฟนอลแล้ว
ชอบๆ ไว้ว่างๆ จะปริ้นมาแปะห้องเล่น ตัวคนทำเองไม่มีเก็บ ฮ่าๆ
Key Visual อยู่ตรงโทรทัศน์...
เปรียบเสมือนเราเป็นรายการมากมาย หลากหลายให้เลือกชม
เพราะของเราแบ่งเป็น 3 สาขา แล้วก็ทำ Icon ออกมาแบ่งประเภทงานไว้
พอได้ key visual ก็เอามาแตกได้บานตะไืท เพื่อนๆ ช่วยกัน
งานนี้ได้ประสบการณ์ดี เห็นน้ำใจเพื่อนที่มาช่วยงาน
งานก็ไม่ได้ดีเด่เท่าคนอื่น เพราะด้วยงบประมาณ และกำลังคนเท่าที่มี
พวกเราทำกันเ้อง เสียน้ำเหงื่อบ้างอะไรบ้าง ก็สนุกสนานดี
อะไรในวันเก่าๆ พอมองย้อนกลับไป พวกเราทำได้ขนาดนี้ก็เจ๋งแล้ว...
Live Borderless
ชอบ Key message และความหมายในนี้มาก
โฆษณาของ LG ตัวนี้มี 2 ตัว Fly for Freedom กับ Dive into Freedom
แต่ที่ในไทย น่าจะมีแค่ Dive into Freedom
เป็น Copy ที่ simple แต่มัน Touch ดี (ดูใช้ศัพท์สูง)
เอาง่ายๆ ชอบจัง ...ลองดูนะ
"Are we forget how to be FREE?"
16 มิถุนายน 2552
La Roux
La Roux เป็น อิเล็กโตรป๊อปสัญชาติอังกฤษ เริ่มมาจากการเป็นดูโอแบนด์ ในวงคือ Elly Jackson เป็นทั้งนักร้องและเล่นดนตรี ในขณะที่ Ben Langmaid เป็น Co-Produce และ Co-writer ตัว Jackson เองเล่าว่าพวกเขาแบ่งกันครึ่งๆมาตลอด ไม่เหมือนกับโปรดิวเซอร์ที่เป็นแค่ outfit ภายนอกของนักร้องทั่วๆไป แต่ทว่าคนส่วนใหญ่ก็จะจำ La Roux ในลักษณะ Solo Act มากกว่า ดนตรีของพวกเขาได้รับอิทธิพลมาจากยุค 80 แบบ Synth pop ซึ่งยกตัวอย่างวงในยุคนั้นเช่น Eurythmics Depeche Mode The Human Leage Yazoo และก็วง Prince
ข้อมูลส่วนตัวเล็กๆของ Elly Jackson เป็นลูกนักแสดงหญิงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคือ Trudie Goodwin เธอโตใน Hern Hill ตำบลหนึ่งในลอนดอน ตอนเด็กเธอมักจะโดนแกล้งก็เพราะว่าเธอมีลักษณะของ Androgynous style ( ทางกายภาพคือผู้หญิงที่มีลักษณะของความเป็นชาย มีทั้งความอ่อนไหวและแข็งแรงเช่นเดียวกัน ใน wiki อธิบายว่า Gender : The Mixing of masculine and feminine characteristics.ซึ่ง Androgynous แนวนี้จะพบได้บ่อยในสไตล์ของแฟชั่น ลุคที่ดูทอมบอย หรือผู้ชายที่ดูอ่อนหวาน เป็นต้น) ในช่วงแรกเธอสนใจเพลงโฟล์ค เช่น Carole King และ Nick Drake เพราะว่ามันเป็นแผ่นสะสมของพ่อแม่เธอเองหลังจากนั้นรสนิยมการฟังเพลงก็เริ่มเปลี่ยนในช่วงวัยรุ่นทำให้เธอได้พบกับดนตรีแนว Rave หลังจากนั้นมาเธอก็ผูกพันกับมันมาตลอดระยะเวลา 5 ปี จนกระทั่งรอวันที่ La Roux ได้ Debut อัลบั้ม
Jackson มีคาแรคเตอร์ที่เชื่อมโยงกับนักร้องเพลงป๊อปหญิงที่มีลุคแบบ androgynous ยุค 20 นิยามสั้นง่ายได้ใจความคือ "Strong Individualistic Attitude" เธอมักจะสดุดีแก่ David Bowie, Annie Lennox, Prince, นักแสดงหญิง Molly Ringwald, และ พรีเซนเตอร์รายการทีวี Elton Welsby ซึ่งมันพวกเขามีอิทธิอย่างมากต่อตัวเธอ และโดยเฉพาะแฟชั่นเสื้อผ้าที่เธอใส่เธอดีไซน์ร่วมกับเพื่อนของเธอเอง
ส่วนปลายเดือนมิถุนายนจะมีอัลบั้มเต็มให้ได้ยินยลกันอิ่มๆ ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง
(กำลัง)ปล่อยแสง
*บูธ B27 อย่าลืมไปดูนะ จะเข้าใจคอนเสบเราไหมเนี่ย -*-
โชคดีหรืออับโชคไม่รู้ ด้วยกำลังทรัพย์ที่กำลังจางตามเลือดคนเซตงาน
ทำให้บูธออกมาได้ดังเท่าที่เห็น พยายามประหยัดที่สุด โดยที่จะพยายามไม่ปริ้น
เพราะการดีไซน์คือการแก้ปัญหา ฉนั้นเลยแก้ปัญหาโดยการเอากระดาษสีดำมาแปะ
และ Di cut ชื่อหนังสือมาซ้อนอีกที ประหยัดขั้นเทพแล้วก็ยังไม่วาย
เสียค่าเดินทางไป 5 ร้อยบาท เพราะตอนขามาต้องขนของมานั่งแท๊กซี่
ตอนกลับก็จะเป็นลมไม่ได้นอน ต้องนั่งแท็กซี่กลับ
*อ่านคอนเสบได้โดยการสะท้อนของตัวหนังสือในกระจก
ปล่อยแสง3 น่าจะมีงบประมาณในการเซตอัพงานเล็กน้อยนะ
อย่าลืมว่าครั้งนี้ พวกเรานิสิตนักศึกษาไม่ใช่ผู้ประกอบการอย่างครั้งที่ 1 หรือ 2
พวกเราเป็นเพียงนักศึกษาพึ่งจบ งบประมาณที่มีอยู่นั่นน้อยนิดนัก
แต่พวกเราก็ขอบคุณที่มีกิจกรรมสร้างสรรค์ดีๆ มีบูธให้เราวางของล่กๆ
แม้จะพยายามเท่าใด อะไรๆ ก็ต้องใช้ทรัพย์ เฮ้อ อนิจจา อนาจใจ
สิ่งที่เราได้คือการวางแผนกับการแก้ปัญหา มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
แต่โชคดีที่เราวางแผนมาก่อนหน้านี้ ว่าจะเอาอะไรไปมั่ง จะทำยังไงให้บูธไม่โล่ง
แล้วไปๆ มาๆ ก็สามารถทำให้มันโอเคได้ในระดับหนึ่ง
งานอาจจะไม่เนี๊ยบ แต่ก็สุดกำลังทรัพย์ละ
ขอขอบคุณพี่ในลานปล่อยแสง และเพื่อนๆ ทุกคนที่มาช่วยเซตงาน น่ารักมาก จุ๊บๆ
พอกลับมาก็นอนป่วยเลย กลัวเป็นไข้ 2009 จริงๆ กระแสมันแรงต้านไม่อยู่
ลานปล่อยแสง นิสิต นักศึกษา
31 พฤษภาคม 2552
LEGO
*Agency : Jung von Matt, Hamburg, GermanyArt Director : Keat Aun Tan
ส่วนตัวแล้วชอบอย่างไม่มีเหตุผล ตรรกกะประมาณขายจินตนาการ
โดยที่รู้กันอยู่แล้วว่ารูบิคต้องบิดได้ ชอบ AD Lego อย่างนึงคือ
มัน simple มากๆ แต่มันดูลึกซึ้ง เห็นหลายต่อหลายอันก็ไม่ค่อยทำให้ผิดหวัง
ด้วยตัวอาร์ตไดเรคชั่น สีสัน และความง่ายๆของมันเป็นทุนก็เลยดูมาเรื่อยๆ
แต่ก็เห็นหลายครั้งงานสแกมส่วนใหญ่แนวนี้ถ้าไม่ดับก็เกิดเลย
แอดอย่างนี้จะว่าถ้าคลิกก็ง่ายเลย แต่ถ้าไม่เข้าเป้านี่ก็นิ่งสนิทวัดกันไป 50/50
แต่สำหรับเรา ทำ AD เลโก้เพลนๆให้มันมี logic เยอะๆ นี่โหดมากเลยนะ
*กรังปรีอย่างไม่ต้องสงสัย
ข้างบนนี้คงเป็นโคตรแอดให้ดวงใจของใครหลายๆคน ไม่รู้เอาเซเรบัมไหนคิด
ยกให้เป็นแอดขึ้นหิ้งเวลาที่นึกถึงไปแล้ว
*อันนี้น่าเล่น ขนาดเลโก้ยังมี for adults (จำไม่ได้ agency ไหนทำ ขออภัย)
อันนี้ชอบมาก มันขายตรงกลุ่มเป้าหมายมาก คือพ่อแม่มันต้องซื้อให้ลูกมันเล่น
ถ้าไม่อยากให้ลูกดูภาพแบบมี grain ก็ซื้อเลโก้มาต่อซะ
*Ogilvy ชิลี เอากรังปรี Outdoor ที่คานส์ไป
แอดเลโก้เยอะดี ดูอิ่มเลย
"Imagination is Touchable."
27 พฤษภาคม 2552
เจ้าหนูกาแฟ
นั่นสิทำไมต้องโคฮีโกะก็จำไม่ได้แล้ว รู้ปค่ว่ามาจากคนทำที่ชอบกินกาแฟ
ขนาดคิกขุยังแอบเข้มนะ สงสัยตอนทำต้องหน้าเหมือนเจ้าตัวนี้แน่ๆ
*ตัวอย่างตารางสอน set B
มีทั้งสติ๊กเกอร์แปะ มีตารางสอน กระเป๋าใส่ตารางสอน และอีกมากมาย
แบบที่สามารถ DIY และสำเร็จรูป เจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยเรียน
ว่าไปตอนไปขายก็เสียดายลืมถ่ายรูปเก็บไว้ นานๆทีจะได้ทำงานแบบนี้
ผ่อนคลาย สดใส ไม่ dark ขายง่าย และก็สนุกดีด้วย
21 พฤษภาคม 2552
คิดอย่างซ้าย EP.2
แนวความคิดในการสร้างสรรค์ แบ่งออกเป็น 1.แนวคิดหนังสือกับ 2.แนวทางการออกแบบ
1.แนวคิดหนังสือ
โลกเรานั้นไม่มีความสมมาตรที่แท้จริงอยู่ มิฉะนั้นจะไม่มีคนถนัดซ้าย หรือคนถนัดขวาแต่โลกเรานั้นดำรงอยู่ซึ่งสมดุลของซ้ายและขวามาโดยตลอด ในความอสมมาตรนั้นมีความสมดุลดำรงอยู่ แนวคิดนี้จึงต้องการแบ่งหนังสือออกเป็น 2 เล่ม คือเล่มซ้าย และเล่มขวา เพื่อสื่อถึงประสบการณ์ของคนถนัดซ้ายในอดีตจนถึงปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่คนส่วนใหญ่ถนัดขวา โดยที่ทั้งสองเล่มเย็บเชื่อมต่อกัน และสามารถรวมกันเป็นเล่มเดียว เป็นนัยยะที่แสดงให้เห็นไม่ว่าซ้ายหรือขวาเราก็ต้องอยู่ร่วมกัน
+ด้านนอกหนังสือ หน้าปกแบบประกบรวม 2 เล่ม เข้าด้วยกัน (ชื่อหนังสือด้านหน้า)
LEFT IS MORE. (THAN YOU THINK) หมายถึง ซ้ายมีอะไรมากกว่าที่คิด
+ด้านในหนังสือ แบ่งออกเป็น 2 เล่มคือ
1 WHAT IS LEFT BEHIND? ใช้การเล่นคำของคำว่า LEFT ซึ่งมีความหมายเป็นได้ทั้งซ้าย และกริยาช่องที่ 3 ของ LEAVE ซึ่งหมายถึงถูกทิ้ง เป็นนัยว่า เราทิ้งอะไรไว้ข้างหลังหรือเปล่า เป็นเล่มที่อยู่ทางด้านขวา เปิดจากซ้ายไปขวา ลักษณะการเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น เป็นเล่มที่เล่าเรื่องราวถึงอดีต ความเชื่อ จนกระทั่งค่อยๆสืบเนื่องไปถึงสาเหตุของความถนัด โดยใจความในเล่มพูดถึงแต่เรื่องคนถนัดซ้าย เหมือนเป็นการแนะนำตนเองเป็นส่วนใหญ่ จึงจะใช้สีดำเป็นสื่อในการออกแบบ
2 HOW TO LIVE IN THE RIGHT WORLD? คำว่า RIGHT มีความหมายในเชิงเปรียบเทียบเช่นเดียวกัน คือหมายถึง ขวา และความยุติธรรมถูกต้อง โดยชื่อหนังสือในเล่มนี้จะแสดงถึงความยากลำบากของการใช้ชีวิตของคนถนัดซ้าย โดยตั้งคำถามต่อตัวเองว่าจะดำรงชีวิตอยู่บนโลกเอียงขวาได้อย่างไรเล่มนี้จะอยู่ทางซ้ายมือ เปิดจากขวาไปซ้าย เป็นลักษณะการเปิดแบบหนังสือทั่วไป ซึ่งหมายความว่าคนส่วนใหญ่ที่เปิดอ่าน คือคนที่ถนัดขวาและอ่านในลักษณะปกติ ซึ่งคนถนัดซ้ายที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนั้นจะประสบปัญหาอย่างไรบ้าง โดยจะใช้สีขาวเป็นตัวแทนของความเป็นปัจจุบัน และยังหมายถึงความถูกต้องยุติธรรม (เหมือนหยิน และ หยาง) ที่เป็นรากศัพท์มาจากคำว่า RIGHT อีกด้วย
สรุป ในทั้งเล่มซ้ายและขวาจะมีการแบ่งรวมแล้วทั้งหมด 4 บทใหญ่ โดยกล่าวในเชิงอดีตและเปรียบเทียบจนถึงปัจจุบัน โดยเรียงเนื้อหาตามความเหมาะสมและต่อเนื่องกัน ใช้สีขาวและดำเป็นตัวแทนของซ้ายในอดีตและการอยู่ร่วมกันกับขวาในปัจจุบัน
2.แนวทางการออกแบบ
+การวาง PARAGRAPH
WHAT IS LEFT BEHIND? (เล่มขวา) – จัดอักษรชิดซ้าย
เพื่อสื่อแนวคิดที่บอกเล่าความเป็นตัวตนของคนถนัดซ้ายตั้งแต่อดีตจนถึงสาเหตุของความถนัดในปัจจุบัน การจัดอักษรชิดซ้าย(ในปกติมนุษย์เราอ่านจากซ้ายไปขวา การไล่สายตาแบบนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ) ในเล่มที่เปิดแบบญี่ปุ่นนั้น เสมือนเชิงเปรียบเทียบว่าความถนัดซ้ายเป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ความชั่วร้ายหรือโรคที่ต้องรักษาตามความเชื่อในอดีต ซึ่งเมื่อคนปกติเปิดเล่มจากทางซ้ายไปขวา จะไม่ถนัดในการอ่าน แต่เมื่อไล่สายตาจะสามารถอ่านได้ง่ายเพราะจัดอักษรชิดซ้ายไว้นั่นเอง
HOW TO LIVE IN THE RIGHT WORLD? (เล่มซ้าย) – จัดชิดขวา
ในขวามีซ้าย ในซ้ายมีขวา เป็นการเล่าถึงความยากลำบากของคนถนัดซ้าย จึงต้องการให้ผู้ที่อ่านล้อกับเล่มขวา โดยมากเราอ่านหนังสือและเปิดจากขวาไปซ้าย และไล่สายตาจากซ้ายไปขวา แต่เปลี่ยนเป็นการจัดวางอักษรให้ชิดขวา จะรู้สึกผิดปกติมากกว่า อ่านยากมากกว่า เปรียบเสมือว่าคนถนัดซ้ายไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ได้โดยง่ายบนโลกที่ออกแบบมาเพื่อคนถนัดขวา ความรู้สึกแปลกแยกเล็กๆนี้ยังคงมีอยู่ แต่จะหายไปถ้าทุกคนทำความเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน
+การประดิษฐ์สัญลักษณ์ เพื่อแบ่งหมวดหมู่ และง่ายต่อการทำความเข้าใจขณะที่อ่านอยู่ในบทนั้นๆ อีกทั้งยังสามารถจดจำได้ง่ายมากขึ้น โดย ICON ที่จะออกแบบนั้น จะแบ่งเป็น 2 ชุด หลักคือ
1 สัญลักษณ์แต่ละบท ออกแบบโดยแบ่งทั้งหมดเป็น 4 บทใหญ่ และ 1 บทย่อยที่แทรกอยู่ รวมเป็น 5 สัญลักษณ์ โดยแนวความคิดแรกมาจาก มือ เพราะมือเป็นตัวแทนความเหมือนและความแตกต่างเช่นเดียวกับทั้งซ้ายและขวาได้ชัดเจนและดีที่สุด อีกทั้งยังเข้าใจได้โดยทั่วไป เพราะลักษณะของความถนัดซ้ายหรือขวาจะอิงเกี่ยวกับการใช้งานโดยมือเป็นส่วนใหญ่
2 สัญลักษณ์เลขหน้า ตามที่ได้กล่าวไปในแนวคิดเดิมคือ ใช้มือ แทนจำนวนการนับ โดยคิดระบบสัญลักษณ์การนับขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่เลขหน้าที่ทำเพื่อง่ายต่อความสะดวกเปิดอ่าน แต่เป็นเลขหน้าที่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ เช่นเดียวกับแนวคิดที่ได้อ้างอิงว่าคนถนัดซ้ายมีอุปสรรคการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง จึงออกแบบมาเพื่อสื่อถึงความลำบากเล็กๆน้อย เช่นเดียวกัน
+การใช้ TYPOGRAPHY การใช้ TYPOGRAPHY มาช่วยในการจัดวาง Layout และการเล่นคำ ซ้อนคำต่างๆ โดยลักษณะเด่นของ คือ มีความเป็นกราฟฟิคสูง ในขณะที่สามารถอธิบายตัวตนออกมาได้เช่นเดียวกัน การเลือกใช้ Typography จึงเป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญในการทำงานชิ้นนี้
+ ภาพประกอบ มี 2 แนวทาง คือ การใช้ Illustrate ภาพวาดแบบ vector - rough cut กับอีกแนวทางคือใช้ภาพถ่ายในประกอบในหนังสือ โดยใช้ภาพสื่อแทนความหมายที่แฝงนัยยะของใจความเนื้อเรื่องไว้ ถ้าเป็นลักษณะของภาพถ่ายจากการวิเคราะห์แล้วจะให้ความรู้สึกเสมือนจริงมากกว่า เห็นภาพชัดกว่า และดูสนุกกว่า ในขณะที่ภาพแบบ Vector ให้ความรู้สึกแข็ง ระเบียบ แต่ไม่เสมือนจริง ซึ่ง 2 แนวทางนี้จะไปประกอบการพิจารณาในการออกแบบร่างต่อไป
+การออกแบบรูปเล่ม เพื่อคำนึงถึงแนวคิดที่วางไว้ จะออกแบบรูปเล่มโดยแบ่งออกเป็น 2 เล่ม ดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น และสามารถประกบรวมกันเป็นเล่มเดียว โดยศึกษาจากหนังสือของนักออกแบบเชิงทดลองที่มีวิธีการออกแบบที่น่าสนใจนำมาประยุกต์ใช้ ในแบบร่างต่อไป
นี่แค่แนวคิด ยังไม่เข้า review เนื้อหนังด้านในเลย หนายังกับสารานุกรมบวกมหากาพย์รามเกียรติ์ก็ไม่ปาน (นี่คือที่สุดในชีวิต4ปีที่เล่าเรียนมา ช่างคุ้มค่าอะไรอย่างนี้!!)
EP.3 จะเอาเรื่องถนัดซ้ายแบบเนื้อๆ ที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟัง (เรียกว่า expert ยังน้อยไป ฮ่าๆ)
ตดอย่างไรไม่ให้ดัง
งานที่ทำเมื่อตอนปี3 อยากลองวาดอะไรขำๆ ตลกๆบ้าง
ก็คลายเครียดดีไปอีกแบบ เสียดายพอตอน export เป็น *.avi
มันดันไม่เล่นไฟล์ที่ซ้อน Movie ไว้ซะงั้น เลยดูขาดๆ เกินงั้นล่ะ
01 พฤษภาคม 2552
สยามพิบัติ remake
อาจอห์น
อยากลองทำให้อาจอห์นดูเป็นฮีโร่แนวมาเวล (ไหน?)
วาดรั่วมาก เอาเท่านั้นละกัน
*วาดจากมโนสำนึก ตอนวาดนึกถึงแฮรี่พอตเตอร์มิน่าล่ะออกมา..
วาดรั่วเนี่ยไม่เพี้ยนเท่ากับลืมเซฟ..
แต่โชคดีที่ไหวตัวทัน ยังได้ export
เรื่องคือเอาไปลงสีในอิลลัส ดันค้างงงงง
ค้างจน non responding ขอบคุณมาก
เลยไม่ต้องแก้ละ ดีดัดนิสัยพวกโลเล
18 เมษายน 2552
Left Thesis Behind EP.1
การทำทีสิสครั้งนี้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากอย่างหนึ่งที่ได้เลยคือเรื่องการวางแผน
อีกทั้งเนื้อเรื่องบางส่วนค่อนข้างหนักและต้องทำการวิเคราะห์อย่างมาก
22 มกราคม 2552
ชิ้นอัน
มีเพียงงานครูหนึ่งนี้หนึ่งเดียวเท่านั้นที่ดูเป็นชิ้นอันที่สุด
ทำเมื่อคืน เสร็จตอนเช้า เหตุเพราะไม่ชินมือ
ไม่ได้นั่งสเก็ตตัวอะไรอย่างนี้มานานมากแล้ว
รู้สึกปลดปล่อยอารมณ์ ตามใจฉัน ไม่ตามใจเธอ
สนุกจริงๆ สัปดาห์แแห่งการลืมเลือนทีสิส
อันนี้ขั้นสเก็ตแต่เก็บเส้นแล้ว ช่าง....
ผิดสัดส่วนเสียนี่กระไร
-*-
วาดยังไงก็ดูไม่โปร ดูเป็นการ์ตูนวันยังค่ำ
(สมัยวัยละอ่อน วาดแต่สไปเดอร์แมนกล้ามๆ)
แต่สนุกดีเหมือนกัน ไม่ได้ทำอะไรอย่างนี้มานาน
ลืมทีสิสไปแป๊บนึง...
แล้วก็มาตอนลงสี
เป็นตัวละครที่นั่งเทียนจินตนาการจากนิยายแนวฆาตรกรรมที่เคยอ่าน
นานมากแล้วเหมือนกัน แต่พอจำได้เลาๆ ประมาณนี้
ประมาณว่าฆาตรกรเป็นอัจฉริยะ มันส์สุดๆ เดาไม่ออกเลยทีเดียว
อันนี้แบบ มีเนื้อเรื่องด้วยนิดหน่อย
นิตยสาร esquire หรือเปล่านี่ !!
สรุปคือ สัปดาห์นี้ ทีสิสไม่กระเตื้อง ขาดแรงบันดาลใจ
แต่ได้สนุกกับการอัพเลเวลแต่งบ้านใน pet society
เล่นเอาโล่ห์หรือไงเนี่ย (ได้จะครบแล้วโล่ห์น่ะ)
ความไร้สาระยังไม่หมดเพียงเท่านี้...
Rank ทะยานสู่อันดับที่ 4 ใน Colourlover.com
ความจริงแล้วตกลงมาจากอันดับที่ 2
แต่คนชอบเยอะจริงๆ ดีใจ
สุดท้าย
สัญญาว่าอาทิตย์หน้าจะจริงจังกับทีสิสแล้ว
จริงๆ สาธุ!