19 สิงหาคม 2551

Special ภาค2


*ก่อนมดมางับ

ส่งหัวข้อครูแดงไปเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน
ทำเกี่ยวกับ Typography ...
ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวของการดำเนินชีวิต ใน 20 ชนิดสัตว์
ออกมาผ่านตัวอักษรพร้อมๆ กับบอกข้อคิดในชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย
อยากทำเป็น book ที่เล่าเรื่องราวได้ด้วยชีวิตการต่อสู้ของสัตว์
ไม่ว่าจะหาอาหาร แย่งชิง การเป็นผู้ล่า การเป็นตกเหยื่อ
สัตว์ในแต่ละวงจรมันสะท้อนความเป็นมนุษย์ได้ดี

งานชิ้นนี้ได้อินสไปเรชั่นมาจาก malcolm clarke
จำได้กลายๆว่างานที่ไปเจอนั้นเป็นงานทดลองตอนเรียนอยู่
ดูแล้วน่าสนุกมาก เลยสร้างแรงบันดาลใจให้อยากทำ

แต่ก่อนหน้านั้นมีหัวข้อไว้ในใจ แต่ยิงตกไปเพราะไม่มีประเด็นพอ
มันก็แค่อยากทำ อยากลองทำ แต่ไม่ได้มีเมสเสสอยากบอกเล่าอะไรมากมาย
แต่ไม่เป็นไร ไว้ว่างๆคงจะทำแน่นอน เพื่อความสุขในชีวิต

มาเข้าเรื่องไทโปมีชีวิตต่อ
เหมือนตอนนี้คลำไปไม่ถูกไม่รู้ว่าจะทำสไตล์คาล์ก
คือการเอาสิ่งมีชีวิตมาทำไทโป แล้วใช้การถ่ายภาพ
หรือว่าจะทำในแบบเวกเตอร์ดี อิลลัสเสตรทดี
แต่ที่พอจะทดลองทำก็มีออกมาเป็นอย่างนี้


*วันนี้ตัว L หายไป ตัว E แหว่งไปครึ่ง น่าตั้งกล้องมาก!

ไว้มีความคืบหน้า คลำทางไปถูกแล้วจะลองมาลงใหม่นะ
สู้ๆ!!

08 สิงหาคม 2551

Special ภาคจบ





จบไปแล้วสำหรับสเปเชี่ยลงามๆ
เสียเงินเยอะแยะมากมาย..ไปกับค่าปริ้น
เหตุเพราะไม่มีการเตรียมแผนไว้ล่วงหน้า
บทเรียนครั้งนี้สอนให้รู้ว่า

"อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อย"



ท้ายที่สุดมันก็แค่แพกเกจจิ้งเครื่องหอม
...
เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับลายมากไป
จนลืมสนใจองค์ประกอบอื่นๆ

เวลาเหลือน้อย แต่เวลาไม่ผิด
ผิดที่สมองไม่ดี คิดงานไม่เป็นระบบ



งานครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี
ได้ลองของใหม่ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ
เรียนรู้ตัวเอง ว่าชอบไม่ชอบ
และสิ่งที่ควรทำกับที่ไม่ควรทำ
มันสอนเราได้ดี..

ฝากไว้ ทำอะไรคิดให้หนัก
จะได้ไม่ต้องมาร่ำไห้ทีหลัง

เหนื่อยไปก็ใช่ว่าจะดี
ฮะฮะ..

งานนี้โดนคอมเม้นหนัก
แต่ก่อนหน้านี้็้ค่อนข้างรู้ตัว
ว่างานไม่ได้มีเมสเสสล้ำลึกมากมาย
ผลสุดท้ายมันก็แค่เอามา Decorate
แต่ที่สำคัญคือลายที่จะสื่อได้มากน้อยแค่ไหน
ตั้งใจทำนะ พยายามอย่างมากที่จะสื่อออกมา
ให้ได้ในแบบที่คาดหวังไว้

แต่สุดท้ายก็ได้แค่ "สวย แต่ไม่มีไอเดีย"

ทิ่มแทงเลยคำนี้ ...

คงตั้งใจเกินไป งานแรกถือว่าทดลอง
พลาดบ้าง พลั้งบ้าง
ถือว่าเตือนสติ และเป็นบทเรียนราคาแพงที่ดี

ส่วนนึงที่ได้เรียนรู้นอกเหนือจากที่พูดมา
ก็คือการออกแบบ Plan ในแพกเกจจิ้ง
ไม่ยากอย่างที่คิด แต่ยุ่งกว่าที่คิด
ยุ่งมาก และทรมานกายและใจมาก
เหนื่อยนะ ทำ mock up เนี่ย

เป็นการตอกย้ำที่ดีที่ว่าเราไม่ชอบ Packaging
เคยคิดไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่ามันเป็นอะไรที่ไม่มันส์เอาสะเลย
แล้วก็เรื่องจริง ตอกย้ำได้ดีทีเดียว

เพราะฉนั้น Packaging กับเราคงต้องห่างๆกันซักระยะ
ยังไงก็ตามแต่สเปเชี่ยลตัวที่สองต้องทำ ไทโปให้จงได้
สนุกกับมันส์ให้ได้ แล้วทุกอย่างจะดีเอง

ลุยย!

05 สิงหาคม 2551

วงจรเตาอัติโนมัติ

อะไรหลายๆ อย่างก็ทำให้พวกเราเรียนรู้ สิ่งที่ทดลองมา รู้สึกได้ว่าเราได้ก้าวข้ามอะไรบางอย่างมาแล้ว กล้าขึ้น... พร้อมขึ้น รับความเป็นจริงของโลกได้มากขึ้น เคยคิดอยู่ตลอด....ว่าจินตนาการกับความฝันมักจะหายไปตอนเราโตเป็นผู้ใหญ่ นั่นเป็นเพราะ เราถูกสิ่งแวดล้อม สังคม ประเพณี "หลอม" มา เหมือนเข้าเตาแล้วปั๊มๆๆ ออกมา บางคนเกิดจากการปั้นมือ บางคนออกมาตามระบบอัติโนมัติ มีแบบแผน ใครๆ ก็อยากมีชีวิตในอุดมคติแบบปั้นจากมือมากกว่า แต่ทว่าในความเป็นจริง สังคมและความเป็นมนุษย์ ยังคงต้องยึดอยู่กับกฏเกณฑ์ของการเอาตัวรอด ถ้าจะดูวงจรชีวิต มนุษย์คือสัตว์ที่มีวงจรอุบาทว์สุดในทุกๆสายพันธุ์ เรื่องของเรื่อง มีอะไรบางอย่างที่ชักจูงเรา แต่ที่สำคัญมันจะไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ตามมัน เพราะอยากรู้ อยากลอง จึงเข้าไปสัมผัส แล้วอะไรต่อมิอะไรที่ว่าก็เลยเถิดมา ณ จุดนี้ มานั่งนึกแล้วขำ ตัวเรางี่เง่ายิ่งกว่ามนุษย์เตาอัติโนมัติอีก คิดเสมอว่าชีวิตตัวเองปั้นได้ ที่แท้ก็ หนีไม่พ้น...วงจรเดิมๆ มนุษย์ที่จะปั้นชีิิวิตในอุดมการณ์ได้ เขาคงต้องละทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างมาก คงจะต้องเสียสละยิ่งกว่าเสียสละ ปล่ิอยให้ดินเปื้อนมือ ตกหล่นไปบ้าง แต่พวกมนุษย์อัติโนมัติคงเป็นพวกเสียไม่ได้ เพราะคิดว่าทำได้ รออีกหน่อยเดี๋ยวก็ได้ปั้นเอง แม้จะผิดพลาดก็อัดเข้าบล๊อคปั๊มใหม่ เจียนเสียทิ้งไปก็รอหลวมแล้วมาหลอมใหม่ มนุษย์พวกนี้จึงเป็นพวกที่อดทนสูง มีฝันแต่ไม่เคยได้ทำ จึงมารอปั้นดินใหม่ต่อๆไป เมื่อดินใหม่ทำไม่ได้ก้ต้องเข้าแผนเดิม ส่วนเสียก็ทิ้งไม่ได้ เก็บไว้รออัดบล๊อค เลยกลายเป็นพวกมีแบบแผนวงจรตามอัติโนมัติ น่าเบื่อ ไร้รสชาติสิ้นดีิ แต่ทำไงได้... ก็ดันเดินเข้าสายพานไปเองนี่ ก็ต้องรอให้อัดบล๊อคได้ก่อนละกัน อย่างน้อยๆก็ยังมีเวลาอีกหลายขั้น หลายตอน..ถ้ามันยังไม่แตกก่อนแพกลงกล่องก็เป็นอันใช้ได้

นั่นคิดอย่างมนุษย์เตาอัติโนมัติ