อะไรหลายๆ อย่างก็ทำให้พวกเราเรียนรู้ สิ่งที่ทดลองมา รู้สึกได้ว่าเราได้ก้าวข้ามอะไรบางอย่างมาแล้ว กล้าขึ้น... พร้อมขึ้น รับความเป็นจริงของโลกได้มากขึ้น เคยคิดอยู่ตลอด....ว่าจินตนาการกับความฝันมักจะหายไปตอนเราโตเป็นผู้ใหญ่ นั่นเป็นเพราะ เราถูกสิ่งแวดล้อม สังคม ประเพณี "หลอม" มา เหมือนเข้าเตาแล้วปั๊มๆๆ ออกมา บางคนเกิดจากการปั้นมือ บางคนออกมาตามระบบอัติโนมัติ มีแบบแผน ใครๆ ก็อยากมีชีวิตในอุดมคติแบบปั้นจากมือมากกว่า แต่ทว่าในความเป็นจริง สังคมและความเป็นมนุษย์ ยังคงต้องยึดอยู่กับกฏเกณฑ์ของการเอาตัวรอด ถ้าจะดูวงจรชีวิต มนุษย์คือสัตว์ที่มีวงจรอุบาทว์สุดในทุกๆสายพันธุ์ เรื่องของเรื่อง มีอะไรบางอย่างที่ชักจูงเรา แต่ที่สำคัญมันจะไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ตามมัน เพราะอยากรู้ อยากลอง จึงเข้าไปสัมผัส แล้วอะไรต่อมิอะไรที่ว่าก็เลยเถิดมา ณ จุดนี้ มานั่งนึกแล้วขำ ตัวเรางี่เง่ายิ่งกว่ามนุษย์เตาอัติโนมัติอีก คิดเสมอว่าชีวิตตัวเองปั้นได้ ที่แท้ก็ หนีไม่พ้น...วงจรเดิมๆ มนุษย์ที่จะปั้นชีิิวิตในอุดมการณ์ได้ เขาคงต้องละทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างมาก คงจะต้องเสียสละยิ่งกว่าเสียสละ ปล่ิอยให้ดินเปื้อนมือ ตกหล่นไปบ้าง แต่พวกมนุษย์อัติโนมัติคงเป็นพวกเสียไม่ได้ เพราะคิดว่าทำได้ รออีกหน่อยเดี๋ยวก็ได้ปั้นเอง แม้จะผิดพลาดก็อัดเข้าบล๊อคปั๊มใหม่ เจียนเสียทิ้งไปก็รอหลวมแล้วมาหลอมใหม่ มนุษย์พวกนี้จึงเป็นพวกที่อดทนสูง มีฝันแต่ไม่เคยได้ทำ จึงมารอปั้นดินใหม่ต่อๆไป เมื่อดินใหม่ทำไม่ได้ก้ต้องเข้าแผนเดิม ส่วนเสียก็ทิ้งไม่ได้ เก็บไว้รออัดบล๊อค เลยกลายเป็นพวกมีแบบแผนวงจรตามอัติโนมัติ น่าเบื่อ ไร้รสชาติสิ้นดีิ แต่ทำไงได้... ก็ดันเดินเข้าสายพานไปเองนี่ ก็ต้องรอให้อัดบล๊อคได้ก่อนละกัน อย่างน้อยๆก็ยังมีเวลาอีกหลายขั้น หลายตอน..ถ้ามันยังไม่แตกก่อนแพกลงกล่องก็เป็นอันใช้ได้
นั่นคิดอย่างมนุษย์เตาอัติโนมัติ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น