20 มิถุนายน 2551

Linn Olofsdotter


*Self Portrait

ลินน์ โอลอฟส์ดอทเทอร์ (ไม่แน่ใจว่าอ่านถูกป่าวนะ)
เธอน่าสนใจมาก เห็นงานเธอครั้งแรกที่แถบลิงค์ด้านข้างเว็บในไซค์หนึ่ง
ทำให้สายตากับมือประสานสัมผัสกันโดยการกดคลิกเบาๆ 1 ที
แล้วก็ได้ประจักษ์




งานของลินน์มีเอกลักษณ์โดดเด่น เขียนภาพประกอบเด็กก็ได้ ผู้ใหญ่ก็ดี
ส่วนใหญ่จะใช้หมึกดำตัดเส้นกับสีพาสเทลอ่อนๆ บ้างก็ดุเดือดแอบสแตรค
ใช้มึกดำละเลงๆ ผสมคาแรคเตอร์ที่มีลักษณะไม่สมประกอบก็ดูเท่ห์ไปอีกแบบ



*The Bouquet - SAMSUNG

งานของลินน์มีความร่วมสมัยสูงมาก มีความเป็นโมเดิร์น และคลาสสิคร่วมกัน
ด้วยความคอนเทมโพลารีทำให้งานของลินน์ดูแฟชั่นมากๆ เช่นเดียวกัน

ส่วนใหญ่จะมีหลากหลายแนวตั้งแต่ลายเส้นธรรมดา ผสมสีน้ำอ่อนๆกับหมึกดำ
จนกระทั่งคอลลาจแบบแฟชั่นกับลายเส้นบางๆจนถึงการใช้เส้นดรออิ้ง
การผสมผสานเหล่านี้ชี้ให้เห็นเลยว่า ลินน์ได้ผ่านการทดลองมากอย่างหลากหลาย
ทำให้เขาค้นพบสไตล์ของตัวเอง แล้วมันได้กลายเป็นโลโก้แปะที่ตัวลินน์ไปแล้ว



*Beatnik girl - Levi's Europe

ลินน์ เป็นคนสวีเดน เธอได้สำรวจแทบทุกซอกมุมของการเป็นอาชีพอิลลัสเตรส
หลังจากสำเร็จการศึกษาในด้าน advertising และ graphic design

ทั้งในยุโรปและอเมริกา เธอย้ายมาอยู่ที่บราซิลเริ่มต้นทำ motion graphic
เปิด studio กับสามีและเพื่อนครีเอทีฟ หลังจากนั้นไม่นานนักเธอก็เป็น
Senior art director ที่ Boston advertising agency
(ฟังแล้วน่าขนลุก อยากเป็นบ้าง)



*TOILET - Laperla

ในช่วงระหว่างอาชีพการงานของเธอนั้น เธอเคยใช้ทักษะอันสูงส่งช่วยแบรนด์
TV networks อย่าง Fine Living,MTV, และ Anime Network มาแล้ว
ปัจจุบันลินน์คนเก่งทำงานอย่างเป็นเอกราชอิสระไม่ขึ้นตรงต่อบริษัทใด
ทั้งในในวงการแฟชั่น โฆษณา บรรณาธิการหนังสือ อย่าง Oilily, La perla

และ Bon Magazine

เธอเป็นผู้หญิงเก่งในระดับที่น่าทึ่ง ส่วนหนึ่งที่มาสนใจงานประเภทนี้คือ
เป็นงานที่ค่อนข้างผ่านการทดลองมาอย่างโชกโชน (ทึกทักเอา)
คงไม่มีใครสามารถตัดแปะภาพพร้อมๆ กับดรออิ้ง และหยดหมึก แถมเอาสีน้ำไปป้ายๆๆ
ได้อย่างอลังการวิจิตรในครั้งเดียว โดยที่ไม่เคยได้ทำหรือได้เริ่มทดลองมาก่อนเลย
นั่นเลยทำให้คิดในชั่วแว๊บหนึ่งขึ้นมาว่า ศิลปะมีความใกล้เคียงกับวิทยาศาตร์เล็กๆ
แต่มันต่างกันที่...ศิลปะไม่มีผิดและถูก ไม่มีทฤษฎี ไม่มีสูตร ไม่มีกฏตายตัว
มีแต่สนับสนุนกันให้มันเป็นไปตามอัตภาวะโลก ตามอารมณ์อันพิศดารของมนุษย์
ศิลปะ มันคือการเรียนรู้ธรรมชาติ(ยืมพี่คุ่นมาใช้) ในขณะที่วิทยาศาตร์พิสูจน์ธรรมชาติ
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะศิลปะหรือวิทยาศาตร์ หรือหนอน หรือคน ก็ยังต้องอยู่ร่วมกันบนโลกอยู่ดี

19 มิถุนายน 2551

Business Card



นึกขึ้นได้พอดีไปเปิดเจอแฟ้มรูปที่เก็บมาตอนฝึกงาน
เห็นพวก Business Card น่าสนใจเลยเซฟมายล

ไอเดียแต่ละคนนี่เจ๋งๆ ทั้งนั้น
แล้วก็มาจ๊ะเอ๋รูปนี้

ไอเดียเดียวกับ Habitat ที่ได้ best graphic ของB.A.D ปี2007
แค่วิธี Execution ต่างกัน ไม่แน่ใจว่าชิ้นไหนมาก่อน
แต่เอาเป็นว่าคิดช้าคิดเร็วมันก็ต้องมีบ้างที่ซ้ำกัน ไม่แปลก
แต่มันอยู่ที่ว่าใครเร็วกว่านี่ล่ะ ยิ่งพวกเราเกิดช้า คิดยังช้าอีก
สงสัยจะตามรุ่นใหญ่ๆไม่ทัน !!!


*ชอบๆ ฮ่าๆๆ ฉันรัก(เงิน)คุณ!!

18 มิถุนายน 2551

ขั้นทดลอง


*ไทโปล้วนๆ มือล้วนๆเช่นกัน

เอิ่ม..

ความจริงคิดไว้นานแล้วว่าจะมาลองประมวลความคิดดู
ได้อะไรมา คิดอะไรมาก็จะได้มาเขียน มาแชร์กัน
ก็ชอบเข้าไปอ่าน แล้วได้บล๊อคมายมาเป็นอินสไปเรชั่น
จากที่อ่านดูตรงการพัฒนาความคิดจาก Journal Writing
เราก็เออ ดีว่ะ น่าลองทำมั่ง ปกติก็เป็นคนชอบอ่าน ชอบเขียน
แต่คงไม่มากเหมือนสมัยก่อนตอนเด็กๆ

คือช่วงนี้ของเรา เป็นช่วงค้นหาไปพร้อมๆ กับการทดลองของใหม่
สิ่งหนึ่งที่ได้จากการฝึกงานมา คือ กระบวนการคิด ได้จัดใหม่ คิดใหม่
แล้วก็มาถึงช่วง..จัดใหม่..

หลังจากศึกษาพร้อมค้นหาภายในระยะเวลา 3 ปีของการออกแบบ
เชื่อได้ว่ายังไม่เจออะไรที่ มัน fit for me แบบจริงๆจัง
แต่มันมีจุดหนึ่งที่เรียกได้ว่าจุค peak สุดๆ คือคิดว่าตัวเองได้แล้ว
มันยอดแล้วว่ะ แต่หลังจากนั้นมาถ้าไม่บิน ก็ดิ่งตกไปเลย
ในช่วงระยะเวลาปีสุดท้ายคือปีที่ 4 หลังจากได้หัวข้อ Special(pre thesis)
รู้สึกเลยว่าเราไม่ได้บิน แค่ตะกายได้ก้ดีใจแล้ว แต่ช่างอนาถจิต
ที่อยู่ๆ เกิดอาการวิตกในแขนขาของตัวเอง รู้สึกว่าประสิทภาพในการตะเกียกตะกายต่ำลง
ความมั่นใจลดลง เหมือนอยู่บนยอดแล้วขาสั่น จะลงก็ไม่กล้า จะบินก็ไม่มีปีก


*ทดลองแบบ rough sketch คิดว่าลดตัดทอนเยอะแล้วนะ
การออกแบบของเราในช่วงนี้ขาดประสิทธิภาพ ทั้งในแง่เชิงสื่อสารและความสวยงาม
เมื่อก่อนจะ more is more สมัยนี้ more is bored
เหมือนกำลังจะทดลองทำอะไรใหม่ๆ หนีจากวงจรสีผสมเทา(ไม่ถนัดพาสเทล)
และลวดลายสวิงสวายหลายล้านเส้นที่เป็นแฟชั่น ณ ปัจจุบันนี้
อนึ่งเหมือนรู้สึกว่า ทำมาแล้ว เคยทำ เบื่อแล้ว ..
หรือเป็นเพราะว่าเรากำลังมองหาความแปลกสดให้ตัวเอง
แล้วในขณะที่ลองของแปลกและสดอยู่ เกิดอาการระแวด ว่ากินแล้วขี้เหม็นไหม?
นั่นเลยทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง ทำไปอย่างที่ไม่มั่นใจ
และทำไปก็ไม่ได้ผลงานที่ออกมาดี ขี้ไม่เหม็น...




*ลองทำแบบอิลัสเสตรทกับ Typo ล้วนๆ มือล้วนๆเช่นกัน

เมื่อวานเช้าส่ง Postcard ตัวเอง 5 แบบ
อย่างหนึ่งในนี้ที่เห็นได้ชัดคือ ไม่มีความ link กันในงานซักใบ
เพราะเป็นผลพวงจากการอยากทดลองหา Identity ใหม่ของตัวเองอยู่
แต่อย่างน้อยๆก็ค้นพบแล้วว่า สิ่งที่ชอบยัดทุกครั้งไปในการทำงานคือ

- Type Face ของ Aรial Black มันสะใจตรงที่ใหญ่กว่า Bold
แม้จะมีใครว่าร้ายว่า Aรial คือลูกผสม Helvetica ก็ตาม ไม่สน..

- Drawing มีเสน่ห์มากเมื่อมาแตกเเส้นป็น Vector
จะได้เส้นที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ และคาดเดาไม่ถึง

- สเก็ตงานเป็นเรื่องสนุก ทุกครั้งจะมีความสุขกับการเสก็ตจับฉ่ายในกระดาษ
เพราะเคยลองทำงานโดยที่ไม่มีกระดาษ แต่ใช่โปรแกรมแทนที่เลย
ผลปรากฏออกมาไม่เป็นท่า ในแง่ขององค์ประกอบก็ยังดูดีมีสกุลอยู่
แต่จะขัดกับอารมณ์ภายในที่รู้สึกว่ามันไม่ pure เลยว่ะ
แล้วงานจะดูแข็งมาก ไม่มีความสมูท จะดูเหมือนจัดฉากและพยายามเกินไป
ทั้งที่ผลสุดท้ายยังไงซะก็ต้องผ่านโปรแกรมเหล่านี้อยู่นี้



*Imagination is touchable ชิ้นนี้ชอบที่สุด

-รูปถ่ายมีประโยชน์ ไนแง่ของการถ่ายเชิงศิลป์ยิ่งงามนักแล
มันจะช่วยให้ภาพและโลกทั้งใบดูเยาว์วัยไม่แห้งกร้านเสมือนโลกนี้มีอยู่จริง

-Typography ทำให้ทุกๆการ Design สวยงามด้วยตัวของมันเอง
ความอัศจรรย์ของไทโปคือการเอากราฟฟิคอิเลเมนท์ของตัวอักษร
มาเรียงต่อกันแล้วเข้าใจมีความหมาย อย่างที่เรียกว่า อ่านได้ อ่านออก

-สนุกกับการเขี่ยอะไรง่ายๆ ด้วยมือ ได้อีกนึงฟีลดีนะ

ชีวิตมันต้องทดลองต่อไป
และหวังว่าแขนขาจะหยุดสั่นในเร็ววันนี้